บทที่ 8 แผนร้ายๆ
ในขณะที่ฝานเหอกำลังเตรียมก้าวจากไป เนี่ยหยวนซูคิดบางสิ่งขึ้นได้ เมื่อแม่ผัวกำลังถือศีล กินอาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ อีกทั้งเรือนเล็กเรือนน้อยในจวนจิ่งทำของกินเอง อาหารคงนับว่าอัตคัดอยู่บ้าง ดังนั้นนางจะเปลี่ยนจากการที่คนพวกนี้อยากจัดงานรับน้องใหม่ในจวนจิ่ง เป็นงานเลี้ยงส่งท้ายพวกรุ่นพี่สักหน่อย แล้วจัดให้หนักในแบบฉบับที่ทุกชีวิตต้องยกมือขึ้นเพื่อร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว
“แม่นมฝานหยุดก่อน ข้ามีเรื่องที่ให้เจ้าต้องทำอย่างเร่งด่วน!”
“เจ้าค่ะ คุณหนูสั่งมาได้เลย”
“พวกบ่าวที่ถูกส่งมาสลบไปกี่คน และเหลือใช้งานได้บ้างหรือไม่ ไปเรียกพวกเขามา และข้าจะคัดเฉพาะพวกที่หัวไวไว้ใช้งาน ส่วนพวกที่ดูแล้วอาจเป็นสายลับของเรือนหลังอื่น หรือเซ่อซ่าเกินเหตุ จงส่งกลับเรือนเดิม ถ้าไม่ยอมไปดี ๆ ก็เรียกพ่อบ้านจวนจิ่งมา ข้าจะขายพวกมันออกไป เท่านี้คงหมดปัญหา!”
ฝานเหอตกใจต่อคำพูดเนี่ยหยวนซู แต่เรื่องนี้นับว่าดี เรือนหลังนี้ไม่ควรมีหมาแมว ที่คอยคาบข่าวไปรายงานให้ไท่ฮูหยิน หรืออนุของจิ่งหลัวคุน
เรือนไผ่หยก
เชามี่ไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น นางจิ้งจอกเนี่ยหยวนซูจากเรือนไป๋เหลียนฮวากล้าส่งสาวใช้และบ่าวที่ถูกคัดตัวไปโดยเป็นคำสั่งไท่ฮูหยินกลับเรือนเดิมที่เคยอยู่
ยามนี้นางแต่งออกจากสกุลเนี่ยแล้ว ดังนั้นกฎของจวนจิ่งคือสิ่งที่นางต้องทำตาม
“โง่ เหตุใดถึงไม่ยืนยันที่จะอยู่เป็นหูเป็นตาให้ข้า” เชามี่ตวาดใส่สาวใช้ของตนที่หวังให้เป็นสายลับสืบสิ่งต่าง ๆ
“นายหญิงเชา สตรีผู้นั้นเป็นพวกนางกลางตลาด ปากร้าย เสียงดัง และกักขฬะเหลือเกิน นางบอกว่าหากใครที่อยู่เรือนไป๋เหลียนฮวา นางจะให้อดข้าวเป็นเวลาเจ็ดวัน และทำงานขนมูลกับคอยนำน้ำถ่ายเบาของนางไปรดแปลงผัก แต่หากใครยอมกลับเรือนของตนจะได้กินของดี และยังได้ส่วนแบ่งเป็นเนื้อหมู เนื้อกวางตากแห้งติดมือกลับมาด้วย”
สาวใช้นามว่า อ้ายเหมย มองอนุคนโปรดของจิ่งหลัวคุน นางมาจากสกุลขุนนางเก่า บิดาเป็นถึงอดีตรองเจ้ากรมฝ่ายพิธีการ การมาอยู่ที่นี่ใครก็มองออกว่าหวังใช้เส้นสายของแม่ทัพหนุ่มเป็นใบเบิกทางให้สกุลเชากลับมามีหน้ามีตา และช่วยเหลือในงานราชการให้ไม่ต้องมีสิ่งใดติดขัด
เชามี่ถลึงตาใส่สาวใช้ก่อนโยนพัดในมือใส่หน้าอีกฝ่ายด้วยความฉุนเฉียว
“เจ้าเห็นแก่ของกินเช่นนั้นหรือ ชีวิตที่มีตอนนี้ ไฉนไม่อยากรักษาเอาไว้”
“โถ นายของบ่าว ตั้งแต่ไท่ฮูหยินถือศีล และไม่ยอมกินสิ่งใดนอกจากผลไม้ ทั้งจวนจิ่งก็หิ้วท้องหิวไปตาม ๆ กัน กุญแจคลังอาหารอยู่ในมือนาง เบิกสิ่งใดยากไปหมด บ่าวที่ไปรับใช้ฮูหยินคนใหม่ต้องทนหิวไส้จะขาด สุดท้ายเกือบเป็นลมตาย แต่โชคดีที่ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางตนนั้น หยิบยื่นโอกาสให้กลับมารับใช้นายหญิงเช่นเดิม”
“โง่...สมองฝ่อเหลือเกิน สิ่งที่นังจิ้งจอกทำย่อมเป็นแผนร้าย มีหรือมันจะให้เศษอาหารกับพวกบ่าวไร้หัวนอนปลายเท้า” เชามี่เอ่ยแล้วต้องฉงนฉงาย เมื่ออ้ายเหมยเปิดกล่องไม้ออก นางได้รับอาหารแห้งหลายชนิด เรียกได้ว่ากินอิ่มหลายวัน ทั้งเนื้อปลาตากแห้งโรยงา หมูทุบ เนื้อกวางสวรรค์ ผักดองสามชนิด แล้วยังมีลูกอมช่วยเจริญอาหาร และสิ่งที่แปลกตาอย่างที่สุด คือไข่เยี่ยวม้า
“ของพวกนี้ล้วนมีราคา”
“ใช้แล้วเจ้าค่ะ อย่างน้อยก็คงราว ๆ สี่ร้อยถึงพันอีแปะ!”
“เจ้าเห็นหรือไม่ บ่าวที่ถูกส่งตัวกลับมีจำนวนกี่คน”
“หากนับไม่ผิด แม่นมฝานไล่กลับจวนต่าง ๆ ก็...สามสิบห้าคนเจ้าค่ะ”
“หญิงแพศยาสกุลเนี่ย มันกล้าใช้เงินถึงสามตำลึงทองเพื่อการนี้เลยหรือ”
และอ้ายเหมยผู้ติดตามเชามี่มาตั้งแต่นางเป็นสาวใช้รุ่นเล็กอายุเพียงหกขวบ ไฉนจะตามไม่ทัน
“ไม่ใช่แค่อาหารนะเจ้าคะ หากใครไม่ยอมกลับเรือนของตน นางให้พ่อบ้านขายออกไปด้วย และยังมอบเงินให้คนละสามตำลึงเงินเป็นขวัญถุง”
“บัดซบ...นางต้องการทำสิ่งใดกันแน่” เชามี่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“หากบ่าวคาดการไม่ผิด นางต้องการถือกุญแจทั้งจวนจิ่ง และตอนนี้ได้ข่าวว่านายหญิงใหญ่ได้นำน้ำแกงเก้าชั้นยอดฟ้าไปให้ไท่ฮูหยินดื่มด้วย”
เมื่อสาวใช้เอ่ยจบ เชามี่ก็กวาดของทุกอย่างลงโต๊ะ ก่อนออกคำสั่งคนของตน เตรียมเดินทางไปยังเรือนไท่ฮูหยิน
เนี่ยหยวนซูนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามซ่งหยูชุน และไม่ห่างจากนางคือลูกชายคนเล็ก
จิ่งป๋อซึ่งยิ้มเรี่ยราดราวกับตุ๊กตาปั้นหน้ายิ้ม ยามนี้เขามีหน้าที่คอยห้ามศึกระหว่างแม่ผัวกับลูกสะใภ้ บนโต๊ะกลางศาลาแปดเหลี่ยมในสวนหิน
“โอ้ ท่านแม่ ข้าปรุงน้ำแกงนี้ด้วยมือตนเอง ลุกขึ้นมาเคี่ยวด้วยตนเอง รับรองไม่มีส่วนใดบกพร่อง รสชาติอ่อน หากล้ำลึก รับรองว่าทั่วทั้งเมืองหลวงใครก็ยากเลียนแบบ” เนี่ยหยวนซูเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ปรับให้น่าฟัง นางไม่ได้แสดงท่าทางหรือกิริยาก้าวร้าวกับแม่สามีสักนิด
ด้วยเหตุนี้หญิงชราที่เพิ่งออกจากห้องส่วนตัว และยอมเปิดคลังวัตถุดิบหลัก และกลับมากินอาหารตามปกติ เหตุใดจะไม่รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล อีกทั้งได้ข่าวว่าฮูหยินใหญ่ผู้นี้ใช้เงินแก้ปัญหาเรื่องที่นางส่งคนไปเรือนไป๋เหลียนฮวา โดยไม่ได้ถามหญิงสาวว่าต้องการคนงานกี่มากน้อย
